สวัสดีคะ คุณแม่ memo
ปัทส่งข้อสอบไปให้แล้วนะคะ สำหรับการติวลูกของปัทนะคะ 1. ตั้งแต่เล็กๆ เลยปัทก็จะชวนเค้าดูนั่นดูนี่มาตลอด ฝึกให้เค้าสังเกตสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเค้ามาตั้งแต่ยังพูดไม่ได้ จะพูดคุยกับเค้าตลอดเวลา โชคดีที่ปัทเปิดโรงเรียนที่บ้าน เลยมีเวลามากกว่าหลายๆคน 2.ปัทพยายามให้เค้าช่วยเหลือตนเองมากที่สุด ตั้งแต่เล็กๆ 3.พอเค้าอยู่อ.2 ก็ดูจะฉลาดเลยพยายามยัดเยียดด้วยการติวเค้าตั้งแต่อ.2 แต่รู้สึกไม่ได้ผลเลย เลยเลิกติวปล่อยเค้าเรียนตามสบาย ไม่เสริมอะไรทั้งนั้น นอกจากการพูดคุย ดูนั่นดูนี้ และฟังนิทาน 4.เมื่อเค้าขึ้นอ.3 เริ่มซื้อโดยกวาดหนังสือเตรียมสอบเกือบทุกเล่มมาดูและเตรียมให้เค้าทำ เนื่องจากเค้าเรียนที่บ้านของตนเองจึงกลัวว่าเค้าจะขาดประสบการณ์ในการเข้าสนามสอบ อาจตื่นสนามหรือตื่นคน เพราะที่โรงเรียนเด็กก็ไม่ใช่มากนัก ( ห้องละ18 คน ) จึงส่งไปเรียนพิเศษวันเสาร์ที่โรงเรียนเพื่อน และส่งไปสอบตามสนามสอบต่างๆ 2 สนาม 5.ขณะเรียนที่โรงเรียนในวันธรรมดา ก็ดูงานที่เค้าทำว่าเค้าไม่เข้าใจเรื่องใดหรือทำผิดเรื่องไหน ก็ทำ sheet เพิ่ม เวลาเรียนวันเสาร์ก็เช่นกัน ถ้าทำข้อไหนผิดมาก็จะทำ sheet เพิ่มเช่นกัน และทุกวันก็สอนลูก วันละ 1 ช.ม. ไม่มีวันหยุดตลอดปีจนถึงวันสอบ ปีที่จะสอบงดเที่ยวทางไกลทั้งปี หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้ปกครองบ้างนะคะ สำหรับปัทคิดว่าการเตรียมตัวตั้งแต่ชั้นอ.2 มันเร็วไปและมันนานมากกว่าจะถึงวันสอบจริง อาจทำให้ลูกหมดไฟเสียก่อน ขนาดปีนี้ปัทติวชั้นอ.3 บางคนยังเลิกเรียนไปก่อนเลยเพราะหมดไฟทั้งแม่และลูก นอกจากนั้นที่สำคัญมากอีกประการคือการสร้างแรงจูงใจให้ลูก เพราะหากลูกไม่ร่วมมือเราก็ไม่รู้จะทำยังไง ปัทใช้รางวัลล่อ โดยมีรางวัลเล็กๆ ไปจนรางวัลใหญ่ เมื่อไรเห็นลูกเซ็งๆ จะรีบสร้างขวัญและกำลังใจอย่างด่วนคะ นอกจากนั้นก็แล้วแต่ดวงแล้ว เพราะทุกสาธิตจะออกข้อสอบไม่แน่นอน บางปีก็คณิตศาสตร์มาก บางปีก็ภาษาไทยมาก ลูกปัทเก่งภาษาไทยปีนั้นออกภาษาไทยมากพอดี เคยมีลูกศิษย์เมื่อปี 50 เก่งคณิตศาสตร์แต่ภาษาไทยงั้นๆ พอดีปีนั้นคณิตศาสตร์ออกมากเลยสอบได้ อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคืออารมณ์ลูกในเช้าวันที่สอบ พยายามให้ลูกอารมณ์ดีที่สุด อย่าอารมณ์เสียเด็ดขาด
โชคดีคะ
|