ReadyPlanet.com
dot
dot
ประมวลรูปภาพ
dot
bulletงานปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2558
bulletกิจกรรมว่ายน้ำ
bulletกิจกรรมวันแม่
bulletกิจกรรมกีฬาสี
bulletเที่ยวซาฟารี
dot
แบบฝึกหัด เสริมทักษะ
dot
bulletนับเลข 1-20
bulletศัพท์ภาษาอังกฤษ ผักและผลไม้
bulletบวกเลข 1-9
bulletคำที่มักเขียนผิด
dot
นานาสาระ
dot
bulletคุณแม่ควรเตรียม....วันสอบสาธิตป.1
bulletเลี้ยงลูกไม่ให้เอาแต่ใจตนเอง”
bullet5 อาการป่วยที่ไม่ควรวางใจ
bulletห้องเรียนพ่อแม่ ตอน " การศึกษาของเด็กวัยอนุบาล"
bulletลูกไม่พูด ลูกพูดช้า ทำอย่างไรดี
bulletนิทานอาหารสมอง
bulletนิสัย 10 อย่าง ที่ทำให้สมองพัง
bulletสร้างความรู้สึกภูมิใจให้เด็กได้อย่างไร
bulletถอดรหัสความเก่งในตัวลูก
bulletลูกเรียนไม่เก่ง กลัวว่าโตขึ้นเขาจะเอาตัวไม่รอด
bulletอย่านะลูก
bulletเตรียมพร้อมหนูๆ เข้าโรงเรียนสาธิตกันเถอะ
bulletFunctional Food ทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพ
bulletกิจกรรมไหว้ครู2556
bulletกิจกรรมไหว้ครู2556
dot
คุยเรื่อง สาธิตกันดีกว่า
dot
bullet เตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้ลูกพิชิตการสอบสาธิต
bullet ประโยชน์ที่แท้จริงของการพาลูกสอบเข้าเครือสาธิต
bulletเตรียมพร้อมหนูๆ เข้าโรงเรียนสาธิตกันเถอะ




5 อาการป่วยที่ไม่ควรวางใจ

 


             เมื่อลูกน้อยเกิดเจ็บป่วย แม้จะมีอาการนิดๆ หน่อยๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลเองได้ แต่ก็อย่าวางใจนะคะ ต้องเฝ้าระวังให้ดี เพราะโรคร้ายหลายชนิดเลยค่ะที่เริ่มต้นด้วยอาการเล็กๆ น้อยๆ เช่นนั้น

1.ไข้  
            เป็นโรคยอดฮิตค่ะ ทั้งไข้ตัวร้อน และเป็นหวัดธรรมดา ข้อดีของอาการไข้ คือสัญญาณเตือนว่าร่างกายมีการสร้างปฏิกิริยาตอบสนองต่อเชื้อโรคที่เข้ามาจู่โจม ส่วนข้อเสียคือเมื่อไหร่ที่ยังมีไข้อยู่อย่างต่อเนื่องแสดงว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้นต้องรอดูอาการ ซึ่งภาวะติดเชื้อทุกอย่างมักจะเริ่มจากการมีไข้ โดยเด็กเล็กที่พบได้บ่อยคือติดเชื้อไวรัสค่ะ
     *ไข้หวัดธรรมดา มักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไอ มีน้ำมูก บางคนอาจจะมีอาการท้องเสียร่วมด้วย แต่เมื่อไหร่ที่ลูกมีแต่อาการไข้อย่างเดียว ไม่มีอาการอื่นเลย ต้องเริ่มเอะใจแล้วว่าลูกอาจติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะไข้เลือดออกที่มีไข้สูง กินยาแก้ไข้แล้วทุก 4-6 ชั่วโมง ไข้ก็ยังไม่ลด
นอกจากนี้ต้องดูว่าลูกกินนมได้หรือไม่ และปัสสาวะปกติหรือเปล่า ถ้าปัสสาวะเป็นสีน้ำชาแสดงว่ากินน้ำไม่พอ ก็ให้กินน้ำเยอะๆ แล้วรักษาตามอาการค่ะ แต่ถ้าเลย 2 วันไปแล้ว ยังไม่ดีขึ้นต้องรีบมาพบคุณหมอด่วนค่ะ
*ไข้ที่ไม่ธรรมดา
1. ลูกดูไม่สดชื่นซึม หงอย ไม่เล่นเลย
2. การกิน ถ้าลูกเป็นไข้แล้วกินนมกินน้ำไม่ได้เลย หรือกินได้น้อยมาก 2 วันผ่านไปอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบพาไปพบคุณหมอ แต่ถ้าลูกร้องงอแง ไม่สบายตัวมาก ไม่ต้องรอจนครบ 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน ให้รีบพาไปพบคุณเลยค่ะ เพราะลูกอาจเป็นปอดบวมได้


2. ชัก


                อาการชักจากไข้มักพบในเด็กวัย 6 เดือนถึง 5 ปี ในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังมีไข้ ซึ่งอาการชักนี้คุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าลูกมีไข้แล้วจะชักด้วยหรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือทำให้ไข้ลดลง ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีคือเช็ดตัวและกินยาลดไข้ แต่ถ้าลูกชัก  ควรทำให้ไข้ลดก่อนด้วยการเช็ดตัว แล้วจับลูกนอนราบ ไม่ต้องเอาอะไรไปงัดแงะในช่องปากนะคะ ถ้าลูกมีอาการเกร็ง กัดลิ้น ให้ใช้ผ้าผืนหนาๆ กั้นระหว่างฟันกับลิ้น ไม่ควรเอาช้อนไปแงะเพราะอาจไปกระแทกที่เพดานปากหรือช่องปาก ทำให้เป็นแผลตามมาภายหลังได้ หลังเช็ดตัวลดไข้แล้วให้รีบพาไปพบคุณหมอทันที

 

3. อาเจียน

         เมื่อลูกเป็นไข้แล้วมีเสมหะ ถ้าเป็นเด็กเล็กที่ขับเสมหะไม่เป็น ก็จะกำจัดโดยการไอแล้วอ้วกออกมา ซึ่งก็เป็นข้อดี เพราะทำให้เสมหะไม่เข้าไปคั่งค้างในหลอดลม แต่ถ้าลูกอาเจียนแบบนี้ต้องระวังนะคะ
1.อยู่ดีๆ ลูกก็อาเจียน และอาเจียนอยู่เรื่อย กินอะไรก็อาเจียน ไม่ต้องรอช้าค่ะรีบพาไปพบคุณหมอเลย เพราะถ้าปล่อยไว้ลูกจะขาดน้ำ เพราะอาเจียนออกหมด และกินน้ำไม่ได้เลย เป็นไปได้ว่าอาจเกิดการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ
2.ติดเชื้อทางเดินอาหารส่วนบน จะมีแต่อาการไข้และอ้วกอย่างเดียว
3.อาเจียน มีไข้ร่วมกับท้องเสีย แสดงว่าติดเชื้อที่ระบบทางเดินอาหาร ต้องรีบพาไปพบคุณหมอเช่นกันค่ะ
ถ้าอาเจียนพุ่ง ยิ่งต้องรีบไปโรงพยาบาล เพราะต้องระวังว่าปัญหาเกี่ยวกับระบบสมอง เช่น มีปัญหาความดันสมองเพิ่มขึ้น สาเหตุจากได้รับอุบัติเหตุ หรือมีก้อนเนื้ออยู่ในสมอง เป็นต้น
ส่วนวิธีดูแลที่ถูกต้องนั้น หลังอาเจียนให้ลูกกินอาหารอุ่นๆ เช่น ข้าวต้มเนื่องจากข้าวต้มเป็นน้ำแป้ง ง่ายต่อการดูดซึม ควรดื่มน้ำอุ่น ถ้าอาเจียนมากสามารถใช้น้ำเกลือแร่ชงให้ลูกดื่มได้
ถ้าปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ปัสสาวะเลย ก็ต้องรีบพาไปโรงพยาบาล เพราะนั่นอาจแสดงว่าลูกขาดน้ำ

4. ไอ


        อาการไอ อาจไม่ใช่สาเหตุจากหวัด แต่เกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจ ทำให้ลูกไอมากจนนอนไม่ได้และส่งผลต่อการกินอาหาร แบบนี้ควรรีบพาไปโรงพยาบาลค่ะ สำหรับอาการไอนั้นไม่สามารถประเมินได้ชัดว่าแบบไหนเข้าข่ายรุนแรง แต่ให้ยึดหลักว่าถ้าไอจนนอนไม่ได้ กินไม่ได้เหมือนเดิม ก็พาลูกไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ โดยคุณแม่สามารถดูแลอาการเบื้องต้นด้วยการให้ยาแก้ไอ ยกเว้นในเด็กเล็กวัย 0 -1 ปี ควรหลีกเลี่ยงค่ะ และการให้ก็ต้องระมัดระวังด้วย เพราะมีโอกาสทำให้มีเสมหะอุดตันทางเดินหายใจได้ ควรให้ดื่มน้ำมากๆ ด้วย เพื่อช่วยให้เสมหะไม่เหนียว ถ้าลูกไอแล้วสำรอกเสมหะออกมา อาการไอก็จะดีขึ้น

 


5.ท้องเสีย 


                    อาการท้องเสียในเด็กนั้น ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจพบได้บ่อย แต่ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรพามาพบคุณหมอทันทีค่ะ (และถ้าทำได้ ควรนำอุจจาระลูกมาด้วย)
- ถ่ายเป็นมูกปนเลือด + มีไข้
- ถ่ายเป็นน้ำปริมาณมาก หรือถ่าย + อาเจียน ทำให้กินน้ำ กินนม หรือน้ำเกลือแร่ไม่ค่อยได้ เกิดอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง อาจทำให้ช็อกได้
อาการขาดน้ำนี้ สามารถสังเกตจากการที่ลูกไม่ค่อยปัสสาวะ หรือปัสสาวะมีสีเข้มร้องไห้ไม่มีน้ำตา น้ำลายไม่ค่อยมี ปากแห้งมาก
- ลูกซึมมาก ไม่เล่น ไม่กินน้ำและนม
ซึ่งอาการท้องเสียรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะช็อคจากการขาดน้ำหรือช็อคจากการติดเชื้อได้
ถ้าอาการท้องเสียไม่ได้รุนแรงมากคุณพ่อคุณแม่ดูแลรักษาเบื้องต้นที่บ้าน โดยให้กินน้ำเกลือแร่ซองทดแทน ถ้ามีไข้กินยาลดไข้ ถ้าท้องเสียเป็นน้ำ เป็นเนื้อเละ แต่ยังกินน้ำกินนมพอได้ ปัสสาวะได้บ่อยและสีไม่เข้มน้ำลายในปากชุ่มฉ่ำไม่แห้ง (และถ้าเด็กสามารถกินน้ำเกลือซองทดแทนได้จะดีมาก) คุณแม่อาจดูแลเบื้องต้นได้สัก 2-3 วันแรกค่ะ ถ้าไม่ดีขึ้นพาไปพบคุณหมอนะคะ
                             
                                                                                                                                                                        เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ พญ.นัยนา ณีศะนันท์
                                                                                                                                                                               กุมารแพทย์พัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก

 







Copyright © 2010 All Rights Reserved.
โรเงรียนอนุบาลเศรษฐบุตร โทร 0-2579-2061, 0-2561-2444, 0-2941-1147 Email Setthabutk@hotmail.com Line ID: Sethaputra