Functional Food ทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพ
โดย: Melon mint
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ ดร.อาณดี นิติธรรมยง รองผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาและกิจกรรมพิเศษ สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล

ด้วยกระแสการตื่นตัวของผู้คนที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น Functional Food จึงเป็นอาหารทางเลือกหนึ่ง ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการกิน การอยู่ของคนยุคใหม่อย่างมากทีเดียวค่ะ
Functional Food คืออะไร
คืออาหารที่มีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วทำให้เกิดประโยชน์บางอย่างต่อร่างกายในเชิงสุขภาพ ลักษณะของอาหารจะไม่ได้เป็นแคปซูล หรือเป็นวิตามินเสริม แต่จะอยู่ในรูปแบบของอาหารที่เรากินกันอยู่ทั่วไป ซึ่งในอาหารนั้นจะต้องมีส่วนประกอบ หรือมีสารอาหารบางอย่างที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ
โดยปกติอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกวันมีหน้าที่คือเป็นแหล่งสารอาหาร และตอบสนองความต้องการของร่างกาย หรือความรู้สึกหิว แต่ในระยะหลังเริ่มมีคนพูดถึงหน้าที่อื่นของอาหารด้านประโยชน์เชิงสุขภาพมากขึ้น นอกเหนือไปจากการที่เป็นแหล่งของสารอาหาร เช่น มีส่วนประกอบที่ทำให้ลดคอเลสเตอรอลในเลือด หรือมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เป็นต้น และ Functional Food ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ประโยชน์เชิงสุขภาพนอกเหนือจากที่ทำให้เราอิ่ม หรือให้พลังงานและสารอาหารต่อร่างกาย
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกกิน เราควรมีพื้นฐานความรู้เรื่องหลักการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ และเลือกกินให้ได้ประโยชน์มากที่สุดค่ะ
Functional Food มาจากไหน
ส่วนใหญ่แล้ว Functional Food จะอยู่ในรูปแบบอาหาร ตัวอย่างเช่น
มีส่วนประกอบที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอยู่เองโดยธรรมชาติ เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ น้ำทับทิม มังคุด เป็นต้น ซึ่งผลไม้เหล่านี้ เป็นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และจะนิยมนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
สกัดส่วนประกอบที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพออกมา และเติมลงในอาหารอื่น ที่คุ้นเคยและเป็นที่นิยมคือผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หวังผลเพื่อช่วยบำรุงสมอง ช่วยลบรอยเหี่ยวย่น หรือเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่างๆ เช่น เปปไทด์บางชนิดจากถั่วเหลือง โคเอ็นไซม์ Q10 เป็นต้น ที่มีการนำไปใส่ในเครื่องดื่ม หรือใยอาหารบางชนิดที่มีการเติมลงไปในผลิตภัณฑ์นมและเบเกอรี่ เช่นใยอาหารจากลูกพรุน ข้าวโอ๊ต เป็นต้น รวมทั้งอินูลิน
นอกจากนี้ยังมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายชนิดที่นำมาสกัดและผสมอยู่ในอาหาร เช่น คลอโรฟิลล์ คอลลาเจน เป็นต้น
ซึ่ง Functional Food มีออกมาหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทุกเพศทุกวัย และผสมอยู่ในอาหารประเภทใดบ้าง ลองไปดูกันค่ะ เพื่อเลือกกินให้ถูกใจ และยังได้สุขภาพดีด้วยค่ะ
Fuctional Food มีอะไรบ้าง
โยเกิร์ต เดิมไม่ได้เน้นประโยชน์แบบ Functional Food นัก แต่ปัจุบันมีการเติมสารอาหารที่พิเศษเหล่านี้ลงไป เพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่น ในผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว เริ่มมีส่วนผสมของจุลินทรีย์สุขภาพ Pro-biotic และ Pre-biotic ช่วยในเรื่องระบบทางเดินอาหาร ช่วยขับของเสียออกจากลำไส้ได้ หรือใส่คอลลาเจน เพื่อช่วยเรื่องผิวพรรณเต่งตึง ซึ่งก็จะเป็นการกระตุ้นยอดขาย และยังเป็นอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มคนที่รักสุขภาพด้วย
เครื่องดื่มบำรุงสมอง ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้จะมีซุปไก่สกัด และเปปไทด์ สกัดจากถั่วเหลือง มีความเข้มข้นสูง ใส่ในเครื่องดื่ม เมื่อดื่มแล้วก็อาจจะได้รับสารอาหารนั้นได้สูงกว่าการดื่มนมถั่วเหลืองทั่วๆ ไป
เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น น้ำเบอร์รี่ น้ำทับทิม น้ำลูกพรุน เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ดื่มเพื่อความสวยความงาม เพื่อผิวพรรณที่สดใส ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มักจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกัน หรือลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีผสมอยู่ในอาหารอีกหลากหลายชนิด แต่ที่ยกตัวอย่าง ก็กำลังเป็นที่นิยม เลือกกินได้ง่าย และมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายราคาให้ได้เลือกตามความต้องการของคนยุคใหม่ค่ะ

นาผลิตภัณฑ์ Fuctional Food
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Fuctional Food ส่วนใหญ่จะเป็นการสกัดเอาสารสำคัญออกมาจากวัตถุดิบในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจน โคเอ็นไซม์ Q10 เปปไทด์ หรือเมื่อก่อนที่ฮิตกันมากคือเบต้าแคโรทีน ก็จะสกัดมาจากวัตถุดิบในธรรมชาติ และนำมาเสริมลงไปในอาหารประเภทต่างๆ
และก่อนที่สารทุกอย่างจะนำมาถูกเติมลงในอาหาร ต้องมีการทดสอบความปลอดภัยก่อนด้วย และถ้านำสารนั้นมาเติมในปริมาณที่สูงมาก ก็ต้องตรวจสอบว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่นหรือไม่ หรือมีผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่ก่อนที่จะออกสู่ท้องตลาด เพื่อผู้บริโภค
กินแค่ไหนถึงพอดี
Fuctional Food ยังไม่มีการกำหนดแน่นอนว่าในแต่ละวันควรกินปริมาณเท่าไหร่ เนื่องจากการวิจัยยังไม่มากพอ และปริมาณที่ทำให้เกิดผลของคนแต่ละคนแต่ละกลุ่มไม่เท่ากัน คนแต่ละคนก็อาจจะตอบสนองต่อสารอาหารเหล่านี้ไม่เท่ากัน หรือแม้กระทั่งบางคนกินแล้วไม่ได้ผล บางคนกินแล้วได้ผลก็มี ซึ่งขึ้นอยู่กับกระบวนการทำงานของร่างกายด้วยว่าจะมีผล หรือปฏิกิริยาตอบสนองมากน้อยแค่ไหน
ยกตัวอย่าง เวลาเรากินคอลลาเจนเข้าไป คอลลาเจนนั้นจะต้องถูกย่อยสลายไปเป็นกรดอะมิโนก่อน ไม่ใช่ว่ากินปุ๊ปจะวิ่งเข้าไปปะตามรอยย่น หรือเสริมตามกล้ามเนื้อเลย แต่จะต้องถูกย่อยเป็นกรดอะมิโนก่อน แล้วร่างกายถึงจะสร้างกลับขึ้นไปเป็นคอลลาเจนอีกทีหนึ่ง เพราะฉะนั้น จึงขึ้นอยู่กับกระบวนการทำงานของร่างกายด้วยว่าจะมีความสมบูรณ์ หรือตอบสนองสารคอลลาเจนนั้นได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งคนที่ไม่เห็นผล อาจเป็นเพราะกระบวนการสร้างคอลลาเจนอาจจะไม่ดีพอเท่ากับคนอื่นนั่นเองค่ะ
Fuctional Food จำเป็นแค่ไหนต่อร่างกาย
Fuctional Food เป็นอาหารที่ไม่ใช่ว่าร่างกายขาดแล้วจะทำให้เกิดปัญหา แต่เหมือนกับว่าสารเหล่านี้จะไปช่วยเสริมการทำงานของร่างกายบางจุดให้ดีขึ้น หรือช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคบางชนิด เช่น สารบางตัวช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เรียกได้ว่าเป็นสารที่ไม่ได้ป้องกัน และรักษาโรค เพราะมันเป็นอาหาร แต่จะลดความเสี่ยงต่อโรคบางอย่าง หรือบรรเทาอาการ หรือช่วยในการเสริมกับยาในการบำบัดได้ เพื่อให้การทำงานของระบบนั้นๆ ดีขึ้น
มีงานวิจัยออกมาว่าสารบางตัวเมื่อสกัดออกมาแล้ว ให้ผลน้อยกว่า หรือให้ผลไม่เหมือนกับเวลาที่กินเป็นผัก ผลไม้ หรืออาหารอื่นที่เป็นวัตถุดิบ ซึ่งจะได้คุณค่าหลายๆ อย่างรวมกัน ทั้งวิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีฤทธิ์เสริมกัน พอเราไปสกัดมาแค่ตัวใดตัวหนึ่ง ก็อาจไม่ได้ให้ผลดีมากเท่าเวลาที่อยู่รวมกันหลายๆ อย่างที่ช่วยเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกัน
ถ้าในชีวิตประจำวัน เรากินผักผลไม้ หรือกินอาหารที่มีคุณภาพก็ไม่จำเป็นต้องหาอาหารอะไรมาทดแทน เพราะจริงๆ แล้ว สารอาหารที่มีอยู่ใน Functional Food ส่วนใหญ่ก็สกัดออกมาจากอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันนั่นเอง
การกินอาหารให้หลากหลาย ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ ควบคู่กับการออกกำลังกาย ก็ย่อมมีพื้นฐานของการมีสุขภาพที่ดี โดยที่ไม่ต้องวุ่นวายหาอาหารเสริมมาเพิ่มค่ะ